อย่างที่ทราบกันว่าไวรัสโคโรนากำลังเป็นกลายเป็นเรื่องที่คนทั่วโลกต่างก็หวาดกลัวที่ทุกประเทศมีการออกมาตรการป้องกันที่แตกต่างกันออกไปทั้งนี้ก็รวมไปถึงที่เชียงรายที่ตอนนี้ทางด้านของทางการของพม่าได้มีมาตรการตรวจเข้มค้นที่จะข้ามแดนจากแม่สายไปยังฝั่งท่าขี้เหล็กด้วยการจับตรวจอุณหภูมิทุกรายไม่มีเว้น เนื่องจากว่าหวั่นไวรัสโคโรนาลุกลามนั่นเอง ล่าสุด ที่ผ่านมายังคงมีผู้คนเดินทางข้ามฝั่งไปมาระหว่างด่านพรมแดนที่มีทั้งที่มาท่องเที่ยวและรวมไปถึงติดต่อทางด้านค้าขาย  โดยที่ทางเจ้าหน้าที่ของเมียนมาได้มีการเพิ่มมาตรการเฝ้าระวังของการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาอย่างเข้มงวดมากยิ่งขึ้น  โดยให้ทุกคนที่เดินทางเข้าประเทศเข้าตรวจวัดอุณหภูมิทุกรายไม่มีการยกเว้น  จากกรณีดังกล่าวก็ไม่มีผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวแต่อย่างใดแต่เว้นเพียงแต่นักท่องเที่ยวชาวจีนที่ช่วงนี้มีจำนวนลดลงหรือเรียกได้ว่าแทบจะไม่มีให้เห็นกันเช่นเคย ทางด้านของรองประธานหอการค้า เชียงรายได้เผยว่า…. การตรวจวัดไข้บริเวณด่านพรมแดนนั้นเชื่อว่าจะส่งผลให้เกิดความเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้นให้กับเหล่านักท่องเที่ยวได้และมองว่าเป็นผลดีกับทุกฝ่ายและผู้คนส่วนใหญ่ก็เข้าใจแต่ขณะนี้จะเห็นได้ชัดว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนหายไปแต่จะมีนักท่องเที่ยวจากยุโรปเข้ามาแทนค่า

  จากกรณีเรื่องของไวรัสอู่ฮั่นที่เวลานี้กำลังเรียกได้ว่าเป็นไวรัสที่น่ากลัวมากที่สุดจนทำให้ประชาชนต่างก็ตื่นตระหนกจากการเสียชีวิตทั่วประเทศที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ทำให้เชียงใหม่ทำการยกระดับสูงสุดด้วยการคัดกรองผู้โดยสารทุกไฟล์จากจีนรวม 14 เมืองที่บินตรงสู่จังหวัดเชียงใหม่ ทางด้านของนายแพทย์สาธารณสุข จ.เชียงใหม่ ได้มีการออกมาแถลงมาตรการเฝ้าระวังไวรัสโคโรน่าสายพันธ์ใหม่ซึ่งเผยว่า…ที่ผ่านมาได้มีการเสนอข่าวมากมายที่อาจจะส่งผลให้ประชาชนเกิดความสับสนทำให้ต่อจากนี้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ตัวเลขต่าง ๆ ทางกระทรวงสาธารณสุขจะออกมาเป็นผู้แถลงการณ์ทั้งหมดเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจนและถูกต้อง ในเวลานี้ยังไม่ได้มีการยกเลิกเที่ยวบินจากจีนรวม 14 เมืองต้นทางแต่ทั้งนี้ได้มีการยกระดับการคัดกรองซึ่งจะเป็นการคัดกรองผู้โดยสารที่มาจากทุกเส้นทางบินจากจีนทั้งหมดอย่างเข้มข้นมากยิ่งขึ้นและจะมีการเพิ่มอุปกรณ์เครื่องมือต่าง ๆ เพิ่มเติมอีกโดยเฉพาะเครื่องวัดอุณหภูมิยิงหน้าผาก ไม่เพียงเท่านั้นทางท่าฯเชียงใหม่ ได้มีการทำหนังสือกำชับและขอความร่วมมือไปยังคลีนิค ร้านขายยากว่าพันแห่งและกลุ่มมัคคุเทศน์ในการร่วมมือที่จะช่วยคัดกรองและอีกทั้งยังรวมไปถึงทางโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลให้ช่วยทำการลงพื้นที่คัดกรองในชุมชนในพื้นที่ ๆ มีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากและขอความร่วมมือไปยังห้างสรรพสินค้าที่จะต้องให้มีมาตรกราคัดกรองให้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย

จากกรณีที่ก่อนหน้านี้เป็นข่าวดังทั่วทั้งวงการกับอดีตพิธีกรเล่าข่าวชื่อดัง สรยุทธ สุทัศนจินดา กับข่าวเกี่ยวกับคดีพนักงานของ อสมท ร่วมกับทางพนักงานบริษัทไร่ส้ม จำกัด ได้มีการไม่ร่วมจัดทำค่าโฆษณาส่วนเกินของรายการ คุยคุ้ยข่าวเมื่อปี 2548-2549 ซึ่งเหตุนี้ทำให้ทางด้านของ อสมท ได้รับความเสียหายกว่า 138,790,000 บาท จากที่เป็นข่าวไปแล้วนั้น ล่าสุดเมื่อวันที่ 21 ม.ค. 2563 ที่ผ่านมามีการรายงานผลการตัดสินของศาลฏีกา สั่งพิพากษาจำคุก นายสรยุทธ 6 ปี 24 เดือน โดยไม่มีการรอลงอาญา  ทั้งนี้ทำให้ทางด้านของผู้ประกาศข่าวร่วมช่องได้มีการออกมากล่าวรู้สึกเสียใจกับคำสั่งศาลในวันนี้และในวันเดียวกันนี้ทางด้านของเฟซบุ๊คส่วนตัวของ สรยุทธ ได้มีการเคลื่อนไหวด้วยการโพสต์ข้อความโดยระบุว่า… “ตนเองได้เตรียมใจมาแล้วและเชื่อว่าคงไม่รอดอย่างแน่นอนและตนก็ยอมรับการผลคำตัดสินซึ่งมีความเป็นไปได้ยากที่ศาลจะกลับคำตัดสินของทั้งสองศาลก่อนหน้านี้  ซึ่งตนก็ต่อสู้อย่างเต็มที่แล้วและได้มีการแสดงให้เห็นแล้วว่า บ.ไร่ส้ม จำกัด โฆษณาเกิน โดยทางด้านของ อสมท ก็โฆษณาเกินเช่นกันและมากกว่า บ.ไร่ส้ม จำกัดและไม่เคยไปเบียดบังเวลาโฆษณาของ อสมท  ทั้งนี้เมื่อเห็นว่าทางสถานีเป็นเจ้าของเวลาจะทำอะไรก็ได้นั้นตนเองก็ยอมรับและพร้อมยืนยันว่ากระบวนการโฆษณาที่ผ่านมานั้นไม่เคยมีการปกปิดแต่อย่างใด ซึ่งตนก็เหมือนกับติดคุกสังคมมาแล้ว 4 ปีและตลอดเวลาไม่เคยมีความสุขแม้แต่วันเดียว ท้ายสุดก็ขอขอบคุณทุกคนที่เป็นกำลังใจให้กันถึงแม้ไม่ได้เจอกันก็ได้มีการส่งกำลังใจมาให้จนกว่าจะพบกันใหม่ ..สรยุทธกล่าวทิ้งท้าย..